Sunday, August 29, 2010

HELL

นรกในความเชื่อทางพุทธ นรก แปลว่า ภูมิหรือดินแดนที่ปราศจากความเจริญ, หุบเหวแห่งความทุกข์ นรก เป็นภูมิที่เกิดของผู้ที่ทำบาปกรรมไว้หลังจากตายไปแล้ว เป็นภูมิที่มีแต่ความทุกข์ทรมาน หาความสุขมิได้ เป็นภูมิหนึ่งในจำนวนอบายภูมิ 4 เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า นรกภูมิ นรก มีหลายชั้น ตามกรรมของผู้ทำ เช่น โลหกุมภีนรก (นรกหม้อทองแดง) สิมพลีนรก (นรกต้นงิ้ว) เรียกการไปเกิดในนรกว่า ตกนรก มีอีกคำหนึ่งซึ่งใช้แทนคำว่า นรก และมีความหมายเหมือนกันคือคำว่า นิรย เช่นใช้ว่า นิรยภูมิ (แผ่นดินนรก) นิรยบาล (ผู้ดูแลนรก ผู้คุมนรก) นรก (สันสกฤต, บาลี : นรก; อาหรับ: นารฺ, ญะฮีม, ญะฮันนัม, สะก็อร; อังกฤษ hell) หมายถึง ภพหนึ่งในคติของศาสนาต่าง ๆ เช่น อิสลาม คริสต์ พุทธและยูได อันเป็นสถานที่ตอบแทนความชั่วของมนุษย์ที่ได้ทำไปเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ นรกภูมิในพระพุทธศาสนา นรกแบ่งเป็นขุมๆตามอำนาจของกรรมที่เหล่าสัตว์โลกกระทำไว้บันดาลให้เกิดขึ้น นรกมีทั้งหมด 457 ขุม เยอะมากถ้าเทียบกับ สุขคติภูมิ26 ชั้น แสดงว่าสัตว์โลกกระทำปาบมากกว่าบุญมาก ที่อยู่ของสัตว์นรกจึงเยอะกว่ามาก นรกจะขยายตัวออกไปไม่สิ้นสุดตามจำนวนที่มากขึ้นของสัตว์นรก ฉะนั้นนรกไม่เหมื่อนคุกที่มีวันเต็ม นรกไม่มีทางเต็มเลย นรกแบ่งตามอำนาจของกรรมดังนี้ • มหานรก 8 ขุม • อุสสทนรก 128 ขุม • ยมโลก 320 ขุม • โลกกันตนรก 1 ขุม มหานรก 8ขุม 1. สัญชีวมหานรก ขุมนรกไม่มีวันตาย สัตว์นรกมีอายุ 500 ปี 1วันนรกขุมนี้เท่ากับ 5ล้านปีมนุษย์ 2. กาฬสุตตมหานรก ขุมนรกบรรทัดดำสัตว์นรกมีอายุ1,000ปี 1วันนรกขุมนี้เท่ากับ 36ล้านปีมนุษย์ 3. สังฆาตมหานรก ขุมนรกภูเขาขยี้กาย สัตว์นรกมีอายุ 2,000 ปี 1วันนรกขุมนี้ เท่ากับ 145 ล้านปี 4. โรรุวมหานรก ขุมนรกร้องไห้ สัตว์นรกมีอายุ 4,000 ปี 1วันนรกขุมนี้เท่ากับ 234 ล้านปีมนุษย์ 5. มหาโรรุวมหานรก ขุมนรกร้องดังสนั่น สัตว์นรกมีอายุ 8,000 ปีนรก 1วันนรกเท่ากับ 9,216 ล้านปี 6. ตาปนมหานรก ขุมนรกแห่งความเร่าร้อนสัตว์นรกมีอายุ16,000ปี 1วันนรกเท่ากับ 184,212 ล้านปี 7. มหาตาปนมหานรก ขุมนรกแห่งความเร่าร้อนยิ่ง สัตว์นรกมีอายุ ครึ่งกัป 8. อเวจีมหานรก ขุมนรกแห่งไฟ สัตว์นรกมีอายุ 1 กัป อุสทนรก128ขุม เป็นบริวารของมหานรกทั้ง8โดยแบ่งแยกดังนี้ 1. อุสทนรกอยู่รอบ สัญชีวมหานรก 16ขุม 2. อุสทนรกอยู่รอบ กาฬสุตตตมหานรก 16 ขุม 3. อุสทนรกอยู่รอบ สังฆาตมหานรก 16 ขุม 4. อุสทนรกอยู่รอบ โรรุวมหานรก 16 ขุม 5. อุสทนรกอยู่รอบ มหาโรรุวะมหานรก 16 ขุม 6. อุสทนรกอยู่รอบ ตาปนมหานรก 16 ขุม 7. อุสทนรกอยู่รอบ มหาตาปนมหานรก 16 ขุม 8. อุสทนรกอยู่รอบ อเวจีมหานรก 16 ขุม อุสทนรก128 ขุม ร่ายรอบมหานรกทั้ง8โดยอยู่ประจำทั้ง4ทิศ ทิศละ4ขุม มีชื่อเรียกเหมื่อนกันทั้งหมด ไม่กล่าวถึงอายุของสัตว์นรกที่ต้องเสวยทุกข์ ในอุสทนรกอย่างชัดเจน นรกขุมนี้มีชื่อเรียกดังนี้ 1. คูถนรก ขุมนรกเห่งขี้เน่า 2. กุกกุฬนรก ขุมนรกแห่งเถ้ารึง 3. อสิปัตตนรก ขุมนรกมะม่วงเหล็กมหาภัย 4. เวตรณีนรก ขุมนรกน้ำกรด ยมโลก 320 ขุม จัดเป็นบริวารชั้นนอกของมหานรกทั้ง 8 ขุม โดยแบ่งแยกดังนี้ 1. ยมโลกอยู่รอบ อุสทนรกใกล้ สัญชีวมหานรก 40 ขุม 2. ยมโลกอยู่รอบ อุสทนรกใกล้ กาฬสุตตมหานรก 40 ขุม 3. ยมโลกอยู่รอบ อุสทนรกใกล้ สังฆาตมหานรก 40 ขุม 4. ยมโลกอยู่รอบ อุสทนรกใกล้ โรรุวมหานรก 40 ขุม 5. ยมโลกอยู่รอบ อุสทนรกใกล้ มหาโรรุวมหานรก 40 ขุม 6. ยมโลกอยู่รอบ อุสทนรกใกล้ ตาปนมหานรก 40 ขุม 7. ยมโลกอยู่รอบ อุสทนรกใกล้ มหาตาปนมหานรก 40 ขุม 8. ยมโลกอยู่รอบ อุสทนรกใกล้ อเวจีมหานรก 40 ขุม ยมโลกอยู่ในทิศทั้ง4ของอุสทนรกทิศละ 10 ขุม มีชื่อที่เรียกเหมื่อนกันทั้งหมด มีชื่อต่างๆดังนี้ ยมโลกประจำทิศต่างๆทิศละ 10 ขุม • ขุมที่1 โลหะกุมภีนรก ขุมนรกแห่งหม้อโลหะ • ขุมที่2 สิมพลีนรก ขุมนรกต้นงิ้ว • ขุมที่3 อสินขนรก ขุมนรกแห่งสัตว์ร้าย • ขุมที่4 ตามโพทกนรก ขุมนรกน้ำทองแดงเดือด • ขุมที่5 อะโยคุฬะนรก ขุมนรกก้อนทองแดงร้อน • ขุมที่6 ปิสสกปัพพะตนรก ขุมนรกภูเขายนต์ • ขุมที่7 สุธนรก ขุมนรกแกลบไฟ • ขุมที่8 สีตะโลสิตะนรก ขุมนรกน้ำกรดเย็น • ขุมที่9 สุนขะนรก ขุมนรกพญาหมา • ขุมที่10 ยันตะปสานนรก ขุมนรกแห่งภูเขาบด โลกกันตนรก ขุมนรกที่ได้ชื่อว่าต่ำที่สุดของบรรดาขุมนรกทั้งหมด นรกขุมตั้งอยู่ระหว่างกลางจักรวาลทั้ง3 ที่มาบรรจบกัน เป็นขุมนรกแห่งความมืด ไร้แสงสว่าง สัตว์นรกตัวใหญ่มาก อาศัยเกาะตามภูเขาในลักษณะหัวห้อยลงมา ถ้าตกลงมาจากภูเขาจะจมลงสู่ทะเลน้ำกรดเย็น ละลายร่างกายอันใหญ่ภายในชั่วพริบตา เมื่อตายแล้วก็เกิดขึ้นมาใหม่ตามอำนาจกรรมที่เคยกระทำไว้ ด้วยความเย็นของทะเลน้ำกรดเขาจึง ตะเกียกตะกายขึ้นมาอยู่บนภูเขาอีก เป็นอยู่อย่างนี้จนสิ้น 1พุทธันดร จึงพ้นกรรมไปเสวยทุกข์ในนรกขุมอื่นๆต่อไป แล้วกรรมที่เคยกระทำไว้ มหานรก 8 ขุม นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 1 สัญชีวนรก ลักษณะพื้นเป็นเหล็กหนา เผาไฟจนแดงโชน ขอบด้านข้าง 4 ขอบก็เช่นกัน มองออกไปไม่แลเห็นขอบบ่อ มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล แต่จะหาที่ว่างเว้นจากไฟไม่ได้เลย ระหว่างไฟจะมีสรรพาวุธต่างๆ เช่น หอก ดาบ ฯลฯ สารพัดจะมี ถูกไฟเผาแดงจนมีความคมจัด สัตว์นรกที่อยู่ในนั้นจะวิ่งพล่าน เพราะเท้าเหยียบไฟ ร่างกายก็จะถูกเผาไฟติดไฟตลอดเวลา เวลาวิ่งไปก็จะไปกระทบกับหอก ดาบ ฆ้อน หรืออาวุธต่างๆ มาฟัน แทง สับ ร้องครวญครางดิ้นเร่าๆ แต่พอร่างกายขาดแล้ว ก็จะมาต่อติดกันใหม่โดยทันที มาทรมานต่อไป ไม่มีวันตาย สรุปว่ามีไฟเผากายตลอดเวลา มีสรรพาวุธประหัตประหารตลอดเวลา นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 2 กาฬสุตตนรก มีกำแพงทั้ง 4 ด้านเป็นเหล็ก พื้นเป็นเหล็ก ถูกเผาไฟจนแดงโชน นายนิริยบาลจะจับเอาสัตว์นรกนอนลงไป นำเส้นบรรทัดมาตีเป็นเส้นที่ตัว จากหัวถึงท้ายบ้าง ตีตามขวางบ้าง ไม้บรรทัดนั้นทำจากสายเหล็กที่เผาไฟจนแดงโชน มื่อตีเส้นเป็นแนวแล้ว ก็จะนำเลื่อยบ้าง ขวานบ้าง มีดอีโต้บ้าง มาสับลงตามรอยที่ตีไว้แล้วนั้น นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 3 สังฆาฏนรก มีกำแพงทั้ง 4 ด้านเป็นเหล็ก พื้นเป็นเหล็ก ถูกเผาไฟจนแดงโชน มีภูเขาเหล็ก 2 ลูก กลิ้งไปกลิ้งมาคอยบดทับสัตว์เหล่านั้น ภูเขาเองก็เป็นเหล็กที่ถูกเผาจนแดงโชนเช่นกัน เมื่อถูกบดจนละเอียดแล้วก็จะฟื้นขึ้นมาใหม่ ไม่ตาย รับการทรมานต่อไป คนที่วิ่งหนีก็จะถูกนายนิริยบาลตีบ้าง แทงบ้าง ฟันบ้าง ตลอดเวลา นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 4 โรรุวนรก มีกำแพงเหล็ก 4 ด้าน ไฟลุกโชน จนหาเปลวไม่ได้ ยิ่งลึกมาก ก็ยิ่งร้อนมากขึ้นไปเรื่อยๆ ตรงกลางขุมจะมีดอกบัวเหล็ก กลีบเหล็กถูกเผาไฟจนแดงโชน กระแสแห่งไฟพุ่งออกจากกลีบตลอดเวลา ไม่มีนายนิริยบาล สัตว์นรกจะถูกกรรมทำให้ต้องเอาหัวมุดลงไปในดอกบัว มือและขาก็จะจุ่มลงไปเช่นกัน กลีบบัวจะงับเข้ามาหนีบขาไว้ถึงข้อเท้า หนีบมือไว้ถึงข้อมือ ส่วนหัวจะหนีบไปถึงคาง เพื่อให้ไฟนั้นเผาอยู่ตลอดเวลา นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 5 มหาโรรุวนรก มีดอกบัวขนาดใหญ่ ไฟร้อนจัด กลีบบัวมีความคมเป็นกรด วางตั้งอยู่ทั่วไป ระหว่างช่องที่ว่างอยู่จะมีแหลนหลาว ปักเอาไว้ โดยเอาปลายแหลมชี้ขึ้น เผาไฟจนแดงโชน แต่ดอกบัวนี้จะไม่งับแน่นนัก สัตว์นรกที่อยู่ในดอกบัวทั้งหลายจะร้อน และดิ้นไปโดนกลีบบัว เมื่อกระทบกลีบบัวก็จะขาดตกลงมา ถูกแหลนหลาวข้างล่างแทงรับไว้ แต่เนื่องจากแหลนหลาวนั้นเป็นไฟลุกแดง จึงทำให้เนื้อตัวของสัตว์นรกนั้นลุกร้อนเป็นไฟ ตกลงมาที่พื้น เมื่อตกถึงพื้น ก็จะมีหมาที่คอยกัดกินจนเหลือแต่กระดูก จนหมดเกลี้ยง แล้วก็จะก่อตัวขึ้นมาเป็นกายใหม่ จากนั้นนายนิริยบาลก็จะบังคับไล่แทงให้ไปอยู่บนดอกบั วต่อไปอีก นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 6 ตาปะมหานรก แสงเพลิงสว่างไสวมาก เป็นแสงไฟละเอียด มีความร้อนจัด สัตว์ร้องระงมเซ็งแซ่ไปหมด มีกำแพงล้อมรอบ 4 ด้าน และพื้นเป็นเหล็กร้อน แดงฉาน มีแหลนหลาวไฟลุกแดงโชน พุ่งมาเสียบเอาสัตว์นรกแล้วเอาขึ้นตั้งไว้ พอไฟไหม้เนื้อหนังหล่นลงมา สัตว์นรกก็จะหล่นลงมาด้วย ก็จะถูกสุนัขขนาดใหญ่เท่าช้าง เที่ยวไล่กัดกิน แทะจนหมดเหลือแต่กระดูกแล้วก็ไปเริ่มต้นใหม่ สัตว์นรกตัวใดไม่ยอมไป ก็จะถูกนายนิริยบาลเอาแหลนไปเสียบแล้วมาขึ้นตั้งไว้อ ย่างเดิม นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 7 มหาตาปะนรก มีกำแพงทุกด้าน มีไฟที่ความร้อนสูง คล้ายแสงสว่าง พุ่งเข้ามาจากรอบทิศ มารวมกันตรงกลาง มีภูเขาที่ตั้งอยู่ตรงกลางขุมนรก ก็จะมีไฟพุ่งเข้าพุ่งออกเป็นเหล็กที่เผาแดง นายนิริยบาลจะบังคับให้สัตว์นรกป่ายปีนขึ้นไปบนยอดเข า วิ่งขึ้นไป พอไปใกล้ถึงยอดก็จะทนไม่ไหว ร่วงหล่นลงมา ก็จะถูกแหลนหลาวที่ปักเอาไว้โดยรอบแทงเข้า เมื่อหล่นจากแหลนหลาวนั้นร่างก็จะเต็ม แล้วถูกไฟเผาตามเดิม นายนิริยบาลก็จะมาไล่ให้ขึ้นไปยอดเขาต่อไป นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 8 อเวจีมหานรก พิเศษกว่าทุกขุม คือ ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ กระดูกแดงฉาน เนื่องจากถูกไฟเผาจนสุก ถูกให้ยืนกางแขนกางขา มีกำแพงปิดเฉพาะตัว 6 ทิศ มีหอกแทงทะลุตรึงไว้ทั้งหมด จากบนลงล่าง ซ้ายทะลุขวา หน้าทะลุหลัง หลายสิบเล่ม จนไม่สามารถจะขยับได้เลยแม้แต่น้อย จำนวนสัตว์นรกที่อยู่ในขุมนี้ มีมากกว่าทั้ง 7 ขุม ที่กล่าวมาแล้วรวมกันทั้งหมดเสียอีก โลกันตนรก นรกขุมใหญ่ พิเศษสุด "โลกันตนรก" ไม่มีอายุ หลังจากใช้กรรมจนหมดแล้ว จะต้องไปต่อที่อเวจีมหานรกต่อไปทันที ลักษณะเป็นภูเขาที่ใหญ่โตประมาณมิได้ ภายในภูเขานั้น เป็นถ้ำขนาดใหญ่มาก มีความเย็นจัดจนบอกไม่ถูก เป็นการทรมานสัตว์นรกด้วยความเย็น ภายในถ้ำมีน้ำเป็นน้ำกรด แรงจัด และเย็นเฉียบ มีแต่ความมืดมิด ไม่มีแสงสว่าง สัตว์นรกทั้งหลายจะไต่ตามผนังข้างๆ ถ้ำ หินที่ผนังจะคมเป็นกรด สัตว์ทั้งหลายจะมองไม่เห็นกัน ต่างก็คิดว่าอยู่คนเดียว พอไต่มาพบกันก็จะนึกว่าเป็นอาหาร ก็กัดกินกันจนตกลงไปในน้ำ น้ำกรดก็จะกัดกร่อนทำลายเนื้อหนังจนหมดสิ้น เหลือแต่กระดูก ก็จะประกอบขึ้นมาเป็นร่าง ไต่ขึ้นมาตามผนังถ้ำใหม่อีกครั้ง ต่อไปเรื่อยๆ จนหมดกรรม

Sunday, December 6, 2009

Enlightenment

Verses Spoken by The Buddha after His Enlightenment In the first watch He said: "When the dhammas appear to the brahman who is persevering in his method, Then all his doubts vanish because he understands that each dhamma is associated with causes." In the middle watch He said: "When the dhammas appear to the brahman who is persevering in his method, Then all his doubts vanish because he has experienced the destruction of the supporting conditions." And in the last watch He said: "When the dhammas appear to the brahman who is persevering in his method, He withstands the scattered army of Mara like the sun shining brightly in the sky."

Labels:

Thursday, November 12, 2009

สวดมนต์หมู่

บทสวดนมัสการพระรัตนตรัย (ทำนองสวดนำ) อะ.ระ.หัง. สัม.มา.สัม.พุท.โธ.. ภะ.คะ.วา.. พุท.ธัง. ภะ.คะ.วัน.ตัง. อะ.ภิ.วา..เท..มิ.. (กราบ) ส.วาก..ขา..โต.. ภะ.คะ.วะ.ตา.. ธัม.โม.. ธัม.มัง.. นะ.มัส..สา..มิ.. (กราบ) สุ.ปะ.ฏิ.ปัน..โน.. ภะ.คะ.วะ.โต.. สา..วะ.กะ.สัง.โฆ.. สัง.ฆัง.. นะ.มา..มิ.. (กราบ) ============ บทสวดนมัสการ (ทำนองสังโยค) (นำสวด) นะ.โม.. (รับพร้อมกัน) ตัส./ สะ. ภะ.คะ.วะ.โต.. อะ.ระ.หะ.โต.. สัม.มา.. สัม.พุท./ธัส.สะ.. นะ.โม.. ตัส./ สะ. ภะ.คะ.วะ.โต.. อะ.ระ.หะ.โต.. สัม.มา.. สัม.พุท./ธัส.สะ.. นะ.โม.. ตัส./ สะ. ภะ.คะ.วะ.โต.. อะ.ระ.หะ.โต.. สัม.มา.. สัม.พุท./ธัส.สะ.. ฯ ========= บทสวดพระพุทธคุณ (ทำนองสังโยค) (นำสวด) อิ.ติ.ปิ. โส.. (รับพร้อมกัน) ภะ.คะ.วา.. อะ.ระ.หัง. สัม.มา..สัม.พุท./โธ.. วิช./ชา.. จะ.ระ.ณะ.สัม.ปัน.โน.. สุ.คะ.โต.. โล..กะ.วิ.ทู.. อะ.นุต./ตะ.โร.. ปุ.ริ.สะ.ทัม.มะ.สา..ระ.ถิ. สัต./ถา.. เท..วะ.มะ.นุส./สา..นัง. พุท./โธ.. ภะ.คะ.วา..ติ. ฯ =============== บทสวดพระพุทธคุณ (ทำนองสรภัญญะ) อั อั อุ อั อั อุ อุ อั อุ อั อั องค์..ใด..พระ.สัม..พุทธ์.. (รับพร้อมกัน) สุ.วิ.สุท../ธะสัน..ดาน.. ตัด..มูล..ก.เลส..มาร.. บ.มิ.หม่น..มิ.หมอง..มัว.. หนึ่ง..ใน..พระ.ทัย..ท่าน.. ก็.เบิก.บาน..คือ.ดอก..บัว.. รา..คี.บ.พัน..พัว.. สุ.วะ.คน..ธะ.กำ..จร.. องค์..ใด..ประ.กอบ..ด้วย.. พระ.ก.รุ.ณา..ดัง.สา..คร.. โปรด..หมู่..ประ.ชา..กร.. มะ.ละ.โอฆ..ฆะ.กัน..ดาร.. ชี้..ทาง..บรร.เทา..ทุกข์.. และ.ชี้.สุข..ก.เษม..สานต์ ชี้..ทาง..พระ.นฤ..พาน.. อัน.พ้น.โศก..วิ.โยค..ภัย.. พร้อม..เบญ..จะ.พิธ..จัก.. - ษุ.จ.รัส..วิ.มล..ใส.. เห็น..เหตุ..ที่.ใกล้..ไกล .. ก็.เจน.จบ..ประ.จักษ์..จริง.. กำ..จัด..น้ำ.ใจ..หยาบ.. สัน..ดาน.บาป..แห่ง.ชาย..หญิง.. สัตว์..โลก..ได้.พึ่ง..พิง.. มะ.ละ.บาป..บำ.เพ็ญ..บุญ.. ข้า..ขอ..ประ.ณต..น้อม.. ศิ.ระ.เกล้า..บัง.คม..คุณ.. สัม..พุท..ธะ.กา..รุญู ..- ญะ.ภาพ.นั้น..นิ.รัน..ดร.. ฯ (กราบ) ========== บทสวดพระธรรมคุณ (ทำนองสังโยค) (นำ) ส.หวาก..ขา..โต.. (รับพร้อมกัน) ภะ.คะ.วะ.ตา.. ธัม.โม.. สัน..ทิฏ./ฐิ.โก.. อะ.กา.ลิ.โก.. เอ..หิ.ปัส../สิ.โก.. โอ..ปะ.นะ.ยิ.โก.. ปัจ./จัต..ตัง เว..ทิ.ตัพ./โพ.. วิญ.ญู.หี..ติ. ฯ ========== บทสวดพระธรรมคุณ (ทำนองสรภัญญะ) ธัม มะ คือ คุณา กร (รับพร้อมกัน) ส่วน ชอบ สา ธร ดุจ ดวง ประ ทีป ชัช วาล แห่ง องค์ พระ ศาส ดา จารย์ ส่อง สัตว์ สัน ดาน สว่าง กระ จ่าง ใจ มล ธรรม ใด นับ โดย มรรค ผล เป็น แปด พึง ยล และ เก้า กับ ทั้ง นฤ พาน สม ญา โลก อุดร พิส ดาร อัน ลึก โอ ฬาร พิ สุทธิ์ พิ เศษ สุก ใส อีก ธรรม ต้น ทาง ครร ไล นาม ขนาน ขาน ไข ปฏิ บัติ ปริ ยัติ เป็น สอง คือ ทาง ดำ เนิน ดุจ ครอง ให้ ล่วง ลุ ปอง ยัง โลก อุดร โดย ตรง ข้า ขอ โอน อ่อน อุต มงค์ นบ ธรรม จำ นง ด้วย จิต และ กาย วา จา ฯ (กราบ) =========== บทสวดพระสังฆคุณ (ทำนองสังโยค) (นำ) สุ.ปะ.ฏิ.ปัน..โน.. (รับพร้อมกัน) ภะ.คะ.วะ.โต.. สา..วะ.กะ.สัง.โฆ. อุ.ชุ.ปะ.ฏิ.ปัน.โน. ภะ.คะ.วะ.โต.. สา..วะ.กะ.สัง.โฆ.. ญา.ยะ.ปะ.ฏิ.ปัน.โน.. ภะ.คะ.วะ.โต.. สา..วะ.กะ.สัง.โฆ. สา..มี..จิ.ปะ.ฏิ.ปัน.โน.. ภะ.คะ.วะ.โต.. สา..วะ.กะ.สัง.โฆ.. ยะ.ทิ.ทัง. จัต./ตา..ริ. ปุ.ริ.สะ.ยุ.คา..นิ. อัฏ./ฐะ. ปุ.ริ.สะ.ปุค./คะ.ลา.. เอ.สะ. ภะ.คะ.วะ.โต.. สา..วะ.กะ.สัง.โฆ.. อา..หุ.เนย..โย.. ปา..หุ.เนย..โย.. ทัก./ขิ.เณย..โย.. อัญ..ชะ.ลี..กะ.ระ.ณี..โย.. อะ.นุต./ตะ.รัง.. ปุญ.ญัก./เขต..ตัง. โล..กัส./สา..ติ . ฯ บทสวดพระสังฆคุณ (ทำนองสรภัญญะ) สงฆ์ ใด สา วก ศาส ดา (รับพร้อมกัน) รับ ปฏิ บัติ มา แต่ องค์ สม เด็จ ภะ คะ วันต์ เห็น แจ้ง จตุ สัจ เสร็จ บรร- ลุ ทาง ที่ อัน ระ งับ และ ดับ ทุกข์ ภัย โดย เสด็จ พระ ผู้ ตรัส ไตร (หยุด) ปัญ ญา ผ่อง ใส สะ อาด และ ปราศ มัว หมอง เหิน ห่าง ทาง ข้า ศึก ปอง บ มิ ลำ พอง ด้วย กาย และ วา จา ใจ เป็น เนื้อ นา บุญ อัน ไพ- ศาล แด่ โล กัย และ เกิด พิ บูลย์ พูน ผล สม ญา เอา รส ทศ พล มี คุณ อ นนต์ อ เนก จะ นับ เหลือ ตรา ข้า ขอ นบ หมู่ พระ ศรา- พก ทรง คุ ณา- นุ คุณ ประ ดุจ รำ พัน ด้วย เดช บุญ ข้า อภิ วันท์ พระ ไตร รัตน์ อัน อุ ดม ดิเรก นิ รัติ ศัย จง ช่วย ข จัด โพย ภัย อัน ตราย ใด ใด จง ดับ และ กลับ เสื่อม ศูนย์ ฯ (กราบ) =========== บทสวดชยสิทธิคาถา หรือ บทพาหุง (ทำนองสังโยค) ( นำ) พา..หุง. (รับพร้อมกัน) สะ.หัส./สะ.มะ.ภิ.นิม.มิ.ตะ.สา.วุ.ธัน.ตัง. ครี..เม..ขะ.ลัง.. อุ.ทิ.ตะ.โฆ..ระ.สะ.เส..นะ.มา..รัง. ทา..นา..ทิ.ธัม.มะ.วิ.ธิ.นา.. ชิ.ตะ.วา.. มุ.นิน..โท.. ตัน.เต..ชะ.สา.. ภะ.วะ.ตุ. เต.. ชะ.ยะ.สิท./ธิ. นิจ./จัง.. ฯ บทสวดชยสิทธิคาถา หรือ พาหุง อั อั อุ อั อุ อุ อุ อั อุ อุ อั อุ อั อั ปาง..เมื่อ..พระ.องค์..ปะ.ระ.มะ.พุท -..(รับพร้อมกัน)ธ. วิ. สุท..ธ. ศาส..ดา.. ตรัส..รู้..อะ.นุต..ตะ.ระ.สะ.มา..- ธิ. ณ. โพ..ธิ. บัล.. ลังก์.. ขุน..มาร..สะ.หัส..สะ.พะ.หุ.พา..- หุ.วิ.ชา.วิ.ชิต..ขลัง.. ขี่..คี..ริ.เม..ขะ.ละ.ประ.ทัง.. คะ.ชะ.เหี้ยม..กระ.เหิม..หาญ.. แสร้ง..เสก..ส.รา..วุ.ธะ.ประ.ดิษฐ์.. กะ.ละ.คิด..จะ.รอน..ราญ.. รุม..พล..พะ.หล.พะ.ยุ.หะ.ปาน.. พระ.ส.มุท..ทะ.นอง..มา.. หวัง..เพื่อ..ผ.จญ..วะ.ระ.มุ.นิน..- ทะ.สุ.ชิน..นะ.รา..ชา.. พระ..ปราบ..พะ.หล..พะ.ยุ.หะ.มา..- ระ.มะ.เลือง..มะ.ลาย..สูญ.. ด้วย..เด..ชะ.องค์..พระ.ทะ.ศะ.พล.. (หยุด) สุ.วิ.มล..ละ.ไพ..บูลย์.. ทา..นา..ทิ.ธัม..มะ.วิ.ธิ.กูล.. ชะ.นะ.น้อม..มะ.โน..ตาม.. ด้วย..เด..ชะ.สัจ..จะ.วะ.จะ.นา.. (หยุด) และ.นะ.มา..มิ.องค์..สาม.. ขอ..จง..นิ.กร..พะ.ละ.ส.ยาม.. ชะ.ยะ.สิท..ธิ.ทุก..วาร.. ถึง..แม้..จะ.มี..อ.ริ.วิ.เศษ.. พะ.ละ.เดช..ชะ.เทียม..มาร.. ขอ..ไทย..ผ.จญ..พิ.ชิต.ตะ.ผลาญ.. (หยุด) อ.ริ.แม้น..มุ.นิน..ทร..ฯ (กราบ)

Saturday, October 17, 2009

ตำนานพระราหู

กำเนิดของพระราหู กำเนิดของพระราหูมีอยู่ด้วยกัน๒ตำนานด้วยกันคือ ๑.พระราหูถูกสร้างขึ้นมาโดยพระอิศวร หรือพระศิวะจากหัวกะโหลก ๑๒ หัว บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีทอง แล้วประพรมด้วยน้ำอัมฤตเสกได้เป็นพระราหู มีสีวรกายสีนิลออกไปทางทองแดง ทรงสุบรรณ (ครุฑ) เป็นพาหนะ มีวิมานสีนิลอยู่ในอากาศ ประจำอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ(ทิศพายัพ) และแสดงถึงเศษวรรคที่ ๑ (ย ร ล ว) ๒.พระราหูเป็นโอรสของท้าววิประจิตติและนางสิงหิกาหรือนางสิงหะรา เมื่อเกิดมามีกายเป็นยักษ์และมีหางเป็นนาค พระราหูเป็นเทวดานพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ ให้ผลในทางลุ่มหลงมัวเมา พระราหูเป็นมิตรกับพระเสาร์และเป็นศัตรูกับพระพุธอันมีเหตุตามนิทานชาติเวร ในอดีตชาติ พระราหูได้เกิดมาเป็นน้องร่วมท้องเดียวกันกับเทวดานพเคราะห์อีก๒องค์ คือ พระอาทิตย์ และพระจันทร์ โดยพระราหูเกิดเป็นน้องสุดท้อง ครั้งหนึ่ง พระราหูได้ร่วมทำบุญถวายพระที่มารับบิณฑบาตร่วมกับพี่ทั้ง๒คน พระอาทิตย์ตักบาตรในครั้งนั้นด้วยภาชนะทอง พระจันทร์ตักบาตรด้วยภาชนะเงิน ส่วนพระราหูตักบาตรด้วยภาชนะที่ทำมาจากกะลามะพร้าว เมื่อทั้ง๓พี่น้องได้มาเกิดเป็นเทวดานพเคราะห์ พระอาทิตย์จึงมีรัศมีและวรรณะเปล่งปลั่งดุจทองคำ พระจันทร์มีรัศมีและวรรณะเป็นสีขาวสว่างดุจเงิน และพระราหูมีรัศมีและวรรณะเป็นสีนิลออกไปทางทองแดง (แต่ในบางตำราก็ว่ากายของพระราหูนั้นมีสีดำบ้าง สีทองบ้าง แตกต่างกันไป) สาเหตุที่พระราหูมีกายเพียงครึ่งท่อน มีเรื่องเล่าว่า เมื่อครั้งที่เหล่าเทวดาได้ทำพิธีกวนเกษียรสมุทรเพื่อให้ได้น้ำอัมฤตนั้นมีทั้งเทวดาและยักษ์ทั้งหลายเข้าร่วมทำพิธี พระราหูได้แอบอยู่ในกลีบเมฆ เมื่อทำพิธีสำเร็จพระราหูจึงรีบลอบดื่มน้ำอัมฤตที่เกิดขึ้นนั้น พระอาทิตย์และพระจันทร์ได้เห็นเข้าจึงรีบเอาความนั้นไปทูลบอกพระนารายณ์หรือพระวิษณุ พระนารายณ์ทราบจึงขว้างจักรตัดไปถูกกลางตัวพระราหูขาดกลายเป็นสองท่อน แต่ด้วยว่าน้ำอัมฤตที่พระราหูได้ดื่มนั้นไหลไปจนถึงกลางตัวพระราหูแล้วพอดี ครึ่งบนของพระราหูที่ถูกตัดออกจึงกลายเป็นอมตะ ส่วนครึ่งร่างนั้นได้กลายมาเป็นพระเคราะห์องค์ที่๙แห่งเหล่าเทวดานพเคราะห์ซึ่งก็คือ พระเกตุ จากนั้นเมื่อครั้งใดที่พระราหูได้พบเจอพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ พระราหูก็จะจับมากลืนกินด้วยความโกรธแค้นที่เทวดาทั้งสององค์นำเรื่องไปทูลพระนารายณ์ แต่อมไว้ในปากได้ไม่นานก็ต้องคายออกมาเพราะทนความร้อนและรัศมีของเทวดานพเคราะห์ทั้งสองไม่ได้ เกิดเป็นเหตุของปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคาตามคติความเชื่อของคนโบราณ ในโหราศาสตร์ไทย พระราหูถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ ๘ และด้วยเหตุที่สร้างขึ้นมาจากหัวกะโหลก ๑๒ หัว จึงมีกำลังพระเคราะห์เป็น ๑๒ *อ้างอิง พรหมชาติ ฉบับหลวง ฉบับประชาชน

Thursday, October 15, 2009

10 อันดับ สัตว์ที่อายุยืนที่สุด

10 อันดับ สัตว์ที่อายุยืนที่สุด อันดับ 10 คือ "ลิง" ญาติห่างๆ ของมนุษย์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วลิงจะมีอายุเฉลี่ย 25 ปี อันดับ 9 ได้แก่ "ช้าง" ซึ่งมีอายุเฉลี่ย 60 ปี โดยจะขึ้นอยู่กับการดูแล อาหารการกินและความเครียด ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้เปรียบเทียบอายุขัยระหว่างช้างเอเชียและช้างแอฟริกาแล้วพบ ว่า ช้างแอฟริกาที่ต้องผจญกับสัตว์ป่านานาชนิดและอาหารการกินที่ขัดสนกว่า ทำให้พวกมันเครียดและมีอายุขัยน้อยกว่าช้างเอเชีย อย่างไรก็ดี มีบันทึกว่าประเทศญี่ปุ่นเคยมีช้างที่มีอายุมากที่สุดในโลกคือ 86 ปี อันดับ 8 คือสัตว์ที่ไม่มีใครอยากให้มันมีชีวิตที่ยืนยาวนัก เพราะมันมักได้รับบทตัวร้ายในละครเสมอๆ นั่นคือ "อีกา" นั่นเอง ด้วยเหตุผลที่อีกาจะมีคู่เพียงตัวเดียวตลอดอายุขัย ทำให้มันไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป นอกจากนี้ การสืบพันธุ์ยังเป็นตัวกำนันนาฬิกาชีวภาพให้หมุนเร็วขึ้นด้วย อีกาจึงมีอายุขัยสูงถึง 90 ปี ซึ่งพบอีกว่านกหลายๆ ชนิดก็มีอายุที่ยืนยาวไม่ต่างจากอีกามากนัก เช่น นกกระตั้ว อันดับ 7 คือ "กุ้งก้ามกราม" ด้วยอายุขัย100 ปี ถือว่าอายุยืนที่สุดในสัตว์จำพวกมีเปลือกแข็งด้วยกัน ด้วยเหตุผลที่มันมีการเคลื่อนไหวและเผาผลาญพลังงานน้อย อันดับ 6 คือ "หอยมุกน้ำจืด" ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เผาผลาญพลังงานน้อย กินน้อย ใช้ก๊าซออกซิเจนในการหายใจน้อย ทำให้มันสามารถคว้าอันดับ 6 มาครองได้ ด้วยอายุขัยมากกว่า 110 ปี อันดับ 5 คือ มนุษย์เรานี่เอง โดยมีอายุขัยสูงสุด 120 ปี ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อที่จารึกไว้ในคัมภีร์ศาสนาคริสต์และฮินดูที่ว่า มนุษย์จะมีอายุขัยได้ไม่เกิน 120 ปี อย่างไรก็ตามระยะหลังมานี้ มนุษย์มีแนวโน้มที่จะมีอายุทะลุ 100 ปีมากขึ้นเรื่อยๆ เคล็ดลับการมีอายุยืนของผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหลายล้วนระบุตรงกันถึงการบริโภค อย่างพอดี การออกกำลังกายแต่พอดี ไม่ใช้ร่างกายอย่างหักโหมและมีทัศนคติที่ดี อันดับ 4 ตกเป็นของปลาโบราณร่วมยุคกับไดโนเสาร์ที่มีไข่ที่เอร็ดอร่อยที่สุดในโลก นั่นคือ "ปลาสเตอร์เจียน" ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่า มันสามารถมีอายุได้สูงถึง 150 ปีทีเดียว โดยคาดกันว่าน่าจะเป็นผลมาจากยีนอายุยืนที่พิสูจน์แล้วมามีอยู่จริงของมัน อันดับ 3 ตกเป็นของพี่เบิ้มสิ่งมีชีวิตนั่นคือ "ปลาวาฬออร์ก้าในทวีปแอนตาร์กติก" ด้วยอายุขัย 200 ปี อันดับ 2 "เต่า" ถือเป็นสิ่งมีชีวิตอายุยืนอันดับ 2 ที่มีอายุขัยประมาณ 250 ปี โดยเต่าที่มีอายุยืนที่สุดในโลกขณะนี้คือ "เต่ากาลาปากอส" ที่มีชื่อว่า "แฮเรียน" ตัวเดียวกันกับที่ "ชาร์ลส์ ดาร์วิน" นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้อง จับมันมาใช้ชีวิตเมืองเมื่อหลายสิบปีก่อน โดยชาร์ลสเองก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีอายุยืนกว่าเขาเองเสียอีก โดยสาเหตุที่เชื่อว่าเต่ามีอายุยืนยาว สืบเนื่องจากการเคลื่อนไหวที่เนิบช้า และความไม่เดือดเนื้อร้อนใจใดๆ นั่นเอง อันดับที่ 1 จะเป็นของใครไปไม่ได้เลย นอกจากสิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตดำดิ่งอยู่ก้นมหาสมุทรอันมืดมิดด้วยอุณหภูมิเย็นเฉียบ มันคือ "ฟองน้ำยักษ์" ซึ่งมีอายุสูงอย่างไม่น่าเชื่อถึง 10,000 ปี หรืออาจกล่าวว่า มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวันตายก็ได้ และเมื่อถามถึงปัจจัยที่ทำให้ฟองน้ำยักษ์มีอายุยืนที่สุดในโลก หลายคนอาจเบนหน้าหนีด้วยที่ว่า มันแทบไม่กินและไม่กระดุกระดิกเลย จนนักวิทยาศาสตร์ถึงกับแซวมันว่า หากมนุษย์ต้องการที่จะมีอายุยืนต้องอยู่ใต้ก้นมหาสมุทร ไม่กินอาหารและอยู่นิ่งๆ เหมือนโดนสต๊าฟไว้แล้ว ก็เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากอายุยืนเหมือนมันอย่างแน่นอน

Wednesday, October 14, 2009

แม่

" แม่ แม่ แม่ คำนี้มีความหมาย " แม่ แม่ แม่ คำนี้มีความหมาย มีพระคุณมากมาย...หลายสถาน แม่เป็นได้..หลายสิ่งหลายประการ เป็นธนาคาร..เป็นพระพรหม...เป็นร่มไทร แม่เป็นผู้ให้..กำเนิด..เกิดลูกรัก แม่เป็นผู้ให้..ที่พัก..พิงอาศัย เป็นผู้ให้ความอบอุ่น..ทั้งกายใจ เป็นผู้ให้..อะไร..อะไร..ไม่ลามือ ลูกเจ็บไข้..แม่ก็ให้การรักษา ลูกโตมา...แม่ก็ส่ง..เรียนหนังสือ ลูกต้องการ..ตำรา..แม่หาซื้อ ลูกปรึกษา...หารือ..แม่ยินดี ลูกคนใดกระทำ..กรรมแก่แม่ ลูกเลวแท้..ชั่วช้า...สิ้นราศี ลูกด่าแม่..ลูกตีแม่..ลูกกาลี ลูกไม่ดี..ทำแม่ช้ำ..น้ำตานอง น้ำตาแม่..รินไหล..เมื่อลูกร้าย น้ำตาแม่..เป็นสาย..เมื่อลูกหมิ่น น้ำตาแม่..หลั่งลง..รดแผ่นดิน เมื่อได้ยิน...ลูกเสเพล...เนรคุณ ------------------------------------- สายเรียกซ้อนจากแม่ ------------------------------------ ในขณะที่.... ผมก็เป็นเช่นเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป เรียน เที่ยว นอน กิน ดึกๆ ผมก็โทรคุยกับแฟนของผม ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้มันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของผม และผมก็เชื่อว่าใครๆ เค้าก็ทำแบบนี้กัน 'จ้า ตัวเอง วันนี้กินข้าวรื้อยาง' ... 'กินกับอะไรบ้าง แล้วตอนกินตัวเองคิดถึงเค้ามั้ยเนี่ย' ... "ฝันดีน๊า ... รักน๊า จุ๊บๆ"... 'ตัวเองวางก่อนดิ. ... ผมยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ตอนดึกไปกับการคุยโทรศัพท์ กับหวานใจของผม ใครจะมาว่าผมไร้สาระ ผมไม่สน.. มันเรื่องปกติของวัยรุ่นนี่.. 'เอ้อ เกือบลืมไปอีกอย่าง กิจวัตรอีกอย่างนึงของผมในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ก็ คือ.. แม่ของผมมักชอบโทรหาผมทุกวัน' 'ตอนนี้ลูกอยู่หอรึยัง' 'เย็นนี้กินข้าวอิ่มมั้ย' 'วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง' 'อย่าไปเที่ยวที่ไหนไกลนะ' โธ่!คำถามเดิมๆ ผมก็ตอบไปแบบเดิมๆ แม่ผมก็ไม่เบื่อซักที ยังคงโทรหาผมเป็นประจำ โชคดีที่ผมพยายามตัดบทคุย ผมกับแม่น่ะคุยกันไม่กี่นาทีก็วางแล้ว ก็มันไม่มีอะไรจะคุยจะให้ผมทำยังไง จนกระทั่งวันนั้น...ผมก็ยังคงคุยกับสุดที่รักของผมตามปกติ ..ตัวเองตอบเค้าได้รึยังว่ารักเค้ามั้ย' ..เร็วๆสิ เค้าบอกรักตัวเองไปแล้วนะ' ..จะใจร้ายไม่บอกรักเค้าอีกหรอ' ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงจากโทรศัพท์บอกผมว่ามีสายซ้อน ผมมองไปที่หน้าจอมันขึ้นชื่อว่า 'Home' ...โธ่ แม่โทรมาทำไมตอนนี้เนี่ย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย.. ผมไม่สลับสายผม ผมยังคงคุยกับสุดที่รักของผมต่อไป เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่แม่จะคุยกับผมก็คงเป็นประโยคเดิมๆ ...และนั่นก็เป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะมีโอกาสฟังเสียงของแม่... .............................................................. หลังจากนั้นไม่นานทางญาติของผมโทรมาบอกผมว่า.. ...เมื่อคืนนี้บ้านของผมถูกขโมยเข้า และแม่ของผมขัดขืน จึงถูกโจรใช้มีดแทงเข้าที่ท้อง แม่เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว ....... ญาติของผมเล่าอีกว่าตอนไปพบศพแม่นั้น ในมือของแม่กำโทรศัพท์ไว้แน่น .....และเบอร์โทรออกล่าสุดของเธอไม่ใช่โทรแจ้งตำรวจ หรือเรียกรถพยาบาล แต่แม่เลือกที่จะโทรหา ..ผม สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่แม่ผมเลือกที่จะทำคือ โทรศัพท์หาผม เพื่อฟังเสียงของผม วินาทีนั้น...ผมพูดอะไรไม่ออก มือและตัวของผมสั่น ..ผู้หญิงคนเดียวในโลก ที่คุยกับผมเป็นคนแรกในชีวิต ..ผู้หญิงคนเดียวที่ผมสามารถที่จะคุยกับเธอได้ทุกเวลา โดยที่ผมไม่ต้องเตรียมบทพูดใดๆ ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะ ประทับใจหรือไม่ ไม่ต้องมีมุข ไม่ต้องมีคำหวานใดๆ ...คนเดียวในโลก ที่โทรมาหาผมเพียงแค่ฟังผมพูดประโยคเดิมๆ ...คนเดียวในโลกที่ไม่ว่าโทรศัพท์เธอจะโปรโมชั่นแพงแค่ไหนก็ยังโทรหา ผม ...และคนเดียวในโลก ที่เลือกคุยกับผมในวินาทีสุดท้ายในชีวิต................... ในบางครั้ง ประโยคที่ว่า 'ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว มันก็ไม่เป็นความจริง 'เพราะบางปรากฏการณ์ในโลก เกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว' อาจเป็นเพราะเวรกรรมของผม ผมเพิ่งรู้ซึ้ง กับประโยคที่ว่า ...'เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไป' ทุกวันนี้ผมนั่งมองโทรศัพท์ รอที่จะตอบคำถามเดิมๆ ให้ผู้หญิงคนหนึ่งฟัง แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีอีกแล้ว ..... -------------------------------------- อ่านเจอหลายเวป เลยเก็บไว้ที่blog

Labels: